ใบความรู้เรื่องข่าว





ความหมายของข่าว 

ข่าว คือ การรายงานข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตลอดจนความคิดเห็นของบุคคลสำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ ซึ่งประชาชนให้ความสำคัญและสนใจ รวมทั้งมีผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก
ระดับของข่าว
๑. ข่าวหนัก หมายถึงข่าวที่มีเนื้อเรื่องในเชิงสาระและมีอิทธิพลต่อคนส่วนใหญ่ ในสังคมเช่น ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวธุรกิจ ข่าวการศึกษา
๒. ข่าวเบา หมายถึง ข่าวที่เกิดขึ้นในกลุ่มคนกลุ่มย่อยๆมีอิทธิพลต่อคนส่วนใหญ่ ในสังคมเช่น ข่าวชาวบ้าน ข่าวสังคม ข่าวบันเทิง ข่าวกีฬา ข่าวอาชญากรรม เป็นต้น
องค์ประกอบของข่าวมีอยู่ ๔ ส่วนดังนี้

๑. พาดหัวข่าว เป็นส่วนที่สร้างความสนใจโดยใช้คำที่สะดุดตาและตัวอักษร ขนาดใหญ่กว่าเนื้อข่าว  
๒. ความนำ คือเนื้อเรื่องย่อของข่าวเป็นการเขียนอธิบายให้ผู้อ่านทราบโดยสรุปว่าเหตุการณ์ที่นำมาเขียนข่าวมีเนื้อความอย่างไรความนำที่ดีต้องชัดเจนและทำให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องราวอาจไม่จำเป็นต้องอ่านส่วนต่อไป
๓. ส่วนเชื่อม คือส่วนที่อยู่ระหว่างความนำกับเนื้อเรื่องทำหน้าที่ขยายความหรือให้รายละเอียดเพิ่มเติมจากความนำองค์ประกอบส่วนนี้ไม่มีความจำเป็นมากนักบางข่าวอาจจะมีส่วนนี้และบางข่าวอาจจะไม่มีก็ได้จากการสำรวจข่าวส่วนใหญ่ในปัจจุบันพบว่าไม่มีส่วนเชื่อม
๔. เนื้อข่าว รายละเอียดทั้งหมดของข่าวส่วนใหญ่นิยมเขียนเป็นย่อหน้าสั้นๆหากมีรายละเอียดมากก็จะเขียนแยกออกเป็นหลายย่อหน้าโดยเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือเรียงลำดับความสำคัญจากมากไปน้อยอย่างไรก็ตามนักเรียนคงเคยพบว่าข่าวบางเรื่องมีข้อบกพร่องในการเรียงลำดับเนื้อข่าวทำให้อ่านไม่เข้าใจว่าเหตุการณ์ของเรื่องเป็นอย่างไรใครทำอะไรที่ไหนเมื่อไรกับใครทำไมและอย่างไร

 การพิจารณาองค์ประกอบของข่าว มีดังนี้

๑. พิจารณาพาดหัวข่าวการพิจารณาพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์เป็นการจัดลำดับความสำคัญของข่าวหากสังเกตการพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์จะพบว่าส่วนสำคัญที่สุดของข่าวจะพาดหัวด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ส่วนที่สำคัญรองลงมาจะใช้ตัวอักษรขนาดเล็กลงมาตามลำดับดังนั้นในการอ่านและพิจารณาข่าวควรอ่านพาดหัวข่าวใหญ่ก่อนแล้วจึงอ่านพาดหัวข่าวย่อย
๒. พิจารณาความนำเมื่ออ่านและพิจารณาพาดหัวข่าวและทราบเรื่องราวสั้นๆ ของข่าวนั้นแล้วขั้นต่อมาคือการอ่านและพิจารณาความนำซึ่งจะสรุปเรื่องราวของข่าวโดยขยายความหรือเพิ่มเติมรายละเอียดของพาดหัวข่าวหากผู้เขียนข่าวสามารถเขียนความนำได้ชัดเจนและผู้อ่านมีเวลาในการอ่านน้อยหรือต้องประหยัดเวลาในการอ่านก็อาจไม่จำเป็นต้องอ่านส่วนเนื้อข่าวต่อไป
๓. พิจารณาเนื้อข่าว เนื้อข่าวเป็นส่วนที่ผู้อ่านจะอ่านหรือไม่อ่านก็ได้หากทราบเรื่องย่อของข่าวจากความนำแล้วเนื้อข่าวเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เป็นข่าวซึ่งอาจพบว่าหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับให้ข้อมูลของข่าวแตกต่างกันเพราะผู้เขียนข่าวต้องนำเสนอข่าวให้ทันเวลาหากเราสนใจข่าวใดเป็นพิเศษก็ควรติดตามอ่านเนื้อข่าวจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับเพื่อเปรียบเทียบความถูกต้องของข่าวและคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
๔.พิจารณาการใช้สำนวนภาษาเมื่อพิจารณาการใช้สำนวนภาษาในการเขียนข่าว จะพบว่ามีข้อบกพร่องหลายประการทั้งในการเขียนสะกดคำการใช้คำย่อการใช้คำผิดระดับการใช้คำแสลงการวางส่วนขยายไม่ถูกต้อง ฉะนั้นในการอ่านข่าวจึงต้องพิจารณาการใช้ภาษาตามลักษณะของภาษาข่าวที่ไม่ถูกต้องของหลักการใช้ภาษา

ประเภทของข่าว

๑. ข่าวการเมือง เป็นข่าวที่เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทางด้านการบริหารของรัฐบาลหรือ เจ้าหน้าที่ระดับบริหารของหน่วยงานต่างๆ
๒. ข่าวการศึกษา เป็นการรายงานข่าวเกี่ยวกับการจัดระบบการศึกษาของรัฐในระดับต่าง ๆ และสภาพแวดล้อมของการศึกษา รวมถึงความก้าวหน้าของระบบการศึกษาวิจัยต่างๆ และ การรายงานข่าวที่เกี่ยวข้องกับการคิดค้นและพัฒนาด้านคอมพิวเตอร์และสื่อสารโทรคมนาคม
๓. ข่าวเกษตร เป็นข่าวที่เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทุกๆอย่างที่เกิดข้นในกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร รวมทั้งบริษัทเอกชนที่ดำเนินธุรกิจด้านการเกษตร
๔. ข่าวเศรษฐกิจ เป็นการรายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องปากท้องของประชาชนจากภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนทั่วไป
๕. ข่าวกีฬาและข่าวสุขภาพ เป็นการรายงานข่าวเกี่ยวกับการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆรวมไปถึง ความก้าวหน้าและความเคลื่อนไหวของการกีฬาและการดูแลสุขภาพอนามัย
๖. ข่าวอาชญากรรม เป็นการรายงานข่าวเกี่ยวกับการฆาตกรรม ปล้นจี้ลักพาตัว ก่อวินาศกรรม การปลอมแปลง เป็นข่าวที่มักเกิดขึ้นตามภาวะสภาพของสังคม
๗. ข่าวบุคคลดีเด่น เป็นการรายงานข่าวเกี่ยวกับบุคคลที่มีผลงานดีเด่นทุกสาขาวิชาชีพซึ่งเป็นที่ยอมรับของปวงชน
๘. ข่าวปัญหาสังคมและภัยสังคม  เป็นการรายงานข่าวเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวภาวะสภาพที่ส่งผลกระทบต่อประเทศชาติส่วนข่าวภัยสังคม เป็นการรายงานข่าวเกี่ยวกับการหลอกลวง ต้มตุ๋นที่ส่งผล กระทบต่อคนในสังคมปัจจุบัน

 เนื้อความข่าว
คำชี้แจง  ให้นักเรียนอ่านข่าวต่อไปนี้แล้วตอบคำถาม


เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กว้างขวาง หลังเฟซบุ๊กเพจ Thai News Online เผยภาพระบุว่าเป็นสามเณรที่ จ.เชียงใหม่ มีพฤติกรรมเป็นกะเทย แต่งหน้า ใช้เครื่องสำอาง ทั้งยังใช้สินค้าแบรนด์เนม เช่นกระเป๋าหลุยส์ วิตตอง ใช้ไอโฟนและแม็คบุ๊ก ทั้งยังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับพระผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัย 32 ปี และเณรวัย 18 ปี ในวัดดังของเมืองเชียงใหม่
ทั้งนี้ ภาพชุดดังกล่าว เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยชาวเน็ตจำนวนมากเห็นว่าถ้าบุคคลใดจะบวชในพระพุทธศาสนาแล้วทำพฤติกรรมไม่เหมาะก็ไม่ควรจะบวชให้ศาสนาเสื่อมเสีย ทั้งยังเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เข้ามาตรวจสอบและจัดการอย่างเร่งด่วน

ที่มา วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๐



 หน้าแรก👈                   กลับข้างบน👆                    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น